#1 ฟ้าทะลายโจร ยาสมุนไพรที่ดังไกลทั่วโลก

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

ถ้าใครอายุเกินยี่สิบปี น่าจะหนังไทยเรื่อง “ฟ้าทะลายโจร” หนังแอคชั่นที่ตัวละครหลักใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อต สวมหมวกปีกกว้าง กางเกงขาม้า และรองเท้าบู๊ทขัดมัน ดูแล้วคล้ายกับคาวบอยที่ขี่บนหลังมาแล้วใช้ปืนพกยิงกันไปมาเหมือนคาวบอย เพราะถูกนำมาสร้างใหม่อยู่หลายครั้ง แต่ฟ้าทะลายโจรที่เราจะพูดถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องราวที่โลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม หากแต่เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่คนรู้ใหม่อาจละเลยไป

ฟ้าทะลายโจร เป็นพืชเขตร้อนที่สามารถขึ้นได้ทั่วไป ถ้าไม่ได้ตั้งใจสังเกต เราอาจจะคิดว่ามันเป็นวัชพืชได้ เพราะมันเป็นพืชล้มลุก ต่อให้ริดใบ หักก้าน แต่ยังเหลือราก ก็ยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ ฟ้าทะลายโจรมีใบสีเขียว รี และยาว ต้นจะไม่สูงมาก มีขนาดตั้งแต่หนึ่งถึงสองไม้บรรทัด มีดอกเล็กๆ สีขาวสลับม่วงจำนวนห้ากลีบ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของฟ้าทะลายโจร คือ Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall ex Nees. อยู่ในตระกูล Acanthaceae ถ้าต้องการแพร่พันธุ์ ให้นำเมล็ดเล็กๆ ในฝักไปปลูก แต่ต้องรอให้ฝักแก่เต็มที่เสียก่อน โดยสังเกตได้จากสีของฝัก ต้องมีสีน้ำตาลแก่จึงจะใช้ได้ ส่วนเมล็ดมีสีน้ำตาลอ่อน

ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณทางยาหลายอย่าง แต่ที่จะได้ใช้บ่อยๆ ก็ตอนใครไอหรือเจ็บคอ ให้เด็ดใบฟ้าทะลายโจรสักหนึ่งกำมือไปตำให้เป็นน้ำแล้วผสมกับน้ำอุ่นดื่ม อาการจะดีขึ้น แต่แนะนำว่าให้ค่อยๆ จิบ และอย่าดื่มเกินวันละสองแก้ว เพราะต่อให้ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการรักษาโรคได้ก็จริง แต่หากกินหรือดื่มเข้าไปเกินพอดีก็มีโทษต่อร่างกายได้ ของอย่างนี้ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด แล้วจะไม่มีอาการข้างเคียงให้ต้องมารักษากันเพิ่มเติมอีก ที่สำคัญไปกว่านั้นสาวๆ คนไหนมีน้อง และอยู่ในช่วงที่ต้องให้นมลูก ควรงดรับประทานฟ้าทะลายโจร เพราะจะสิ่งผลถึงเจ้าตัวน้อยอย่างแน่นอน


แต่ถ้าใครบ้านอยู่ในเมืองหรือเป็นตึกแถวที่ไม่มีบริเวณให้ปลูกพืชได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าอยากทานฟ้าทะลายโจรก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเหมือนกัน อาจจะหายากหน่อย แต่ถ้าเป็นร้านขายยาใหญ่ๆ หรือในโรงพยาบาลรับรองว่ามี ตอนนี้มีแบบที่สกัดออกมาใส่แคปชูล รับประทานง่าย ไม่ขมมากเหมือนตำเอาสดๆ จากต้น แต่ถ้าจะซื้อรับประทานเองรบกวนสอบถามกับเภสัชกรก่อนว่าฟ้าทะลายโจรที่คุณซื้อมานั้นมีความเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน โดยปริมาณที่แนะนำก็คือ 1.5-3 กรัม โดยกินวันละไม่เกิน 4 ครั้ง แต่ละครั้งควรกินห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง